ความรู้เกี่ยวกับสายพาน PVC/PU
ตอน 1 สายพาน PVC คืออะไร (What is PVC Conveyor Belt?)
1. สายพาน PVC คืออะไร สายพาน PVC คือสายพานพลาสติกที่เคลือบด้วยโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) ถือว่าเป็นสายพานไลท์เวท (Lightweight) ทำงานเบาๆทั่วไป มีผ้าใบใยสังเคราะห์เป็นแกนรับแรงดึง (Tension Member) หุ้มแกนด้วยพลาสติกพีวีซี/พียู (PVC/PU Cover) แกนเส้นใยสังเคราะห์ทำด้วย โพลีเอสเตอร์ ไนลอน คาร์บอนไฟเบอร์ หรือวัสดุชนิดอื่นๆ สายพาน PVC/PU ใช้งานทั่วไปจะมีชั้นผ้าใบ 1 ถึง 3 ชั้น (หากมากกว่านี้ถือว่าเป็นการใช้งานแบบพิเศษ) โดยแต่ละชั้นผ้ามีความหนา 0.5 ~ 0.8 มม.
สายพานพีวีซี/พียูเป็นที่ยอมรับในด้านความทนทานพอสมควร ราคาถูก ใช้งานทั้งการขนถ่ายวัสดุ แบบ Unit load และ Bulk Load ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเช่น บรรจุภัณฑ์ เปโตรเคมีคอล อิเลคโทรนิค ตลอดจนใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร แปรรูปเนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์นม และผลิตเบเกอรี่
สายพาน PVC/PU ในผลิตภัณฑ์ขนมคุกกี้
ข้อได้เปรียบประการหนึ่งของสายพานลำเลียง PVC/PU คือราคาถูกมีผิวหน้าหลากหลายแบบให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมเฉพาะของแต่ละงาน ถ้าใช้กับงานเบาจะยืดตัวเล็กน้อย และทนต่ออุณหภูมิร้อน-เย็น ทนทานต่อสารเคมีได้ดี ทนต่อน้ำร้อนและไอน้ำได้ในระยะเวลาสั้นๆไม่ต่อเนื่อง สายพาน PVC/PU ทนทานต่อการขีดข่วนทนทานต่อตัวทำละลาย
สายพาน PVC/PU มีพื้นผิวที่มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้
ตัวอย่างสายพาน PVC/PU Conveyor ใช้งานทั่วไป
สายพาน PVC/PU Conveyor ใช้งานลำเลียงใบยาสูบ
ตัวอย่างสายพาน PVC/PU Conveyor ใช้งานทั่วไป
ไลน์การผลิต สายพาน PVC/PU
2.โครงสร้างสายพาน PVC/PU
สายพาน PVC และ สายพาน PU จัดเป็นสายพาน ชนิด Thermoplastic ประเภทสายพานลำเลียง (Conveyor Belt) ที่ใช้งานขนาดเบา (Lighweight Load) มาตรฐาน European ให้คำจำกัดความสายพาน Lightweight ว่ามีค่า Breaking Strength อยู่ระหว่าง 100-1000 N/mm
โครงสร้าง (Structure)ของสายพาน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
โครงสร้างสายพาน PVC/PU
1) ส่วนที่ 1 และ 3 (ในรูป) เป็นผิวสายพาน Top and Bottom Cover (บนและล่าง) ทำหน้าที่ป้องกันส่วนที่เป็นเส้นใย (Tension Member)ไม่ให้เสียหาย และทำหน้าที่เป็นตัวกลาง (Media) ในการลำเลียงวัสดุด้วย 2) ส่วนที่ 2 (ในรูป) เป็นเส้นใยหรือผ้าใบ (Tension Member) ทำหน้าที่รับแรงดึง (Tension) เหมือนกับสายพานยางดำ(Rubber Belt) ที่เรียกว่าชั้นผ้าใบ(Carcass)
3.คุณสมบัติและการใช้งานของสายพาน PVC/PU สารที่ใช้เคลือบผิวสายพาน (Coated Material) มีหลายชนิด เช่น PVC, PU, SBR, NR NBR , Silicone , PO , PE , SI สารที่เคลือบเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะตอบสนองการใช้งานพิเศษเฉพาะด้านของสายพานลำเลียงในอุตสาหกรรมประเภทต่างๆดูได้จากข้อมูลข้างล่างนี้
คุณสมบัติเบื้องต้นของสารเคลือบผิวสายพาน มีพอสังเขปดังนี้
PVC | ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วๆไปที่มีสิ่งแวดล้อมปกติ
|
PU | ทนความร้อน ทนสารเคมี ทนสารเสียดสี ใช้งานได้หนักกว่าสายพาน PVC ใช้ในโรงงานเหล้า โรงงานเชือกไนล่อน โรงงานผลิตภัณฑ์ไม้ |
SBR | การใช้งานใกล้เคียงกับยางธรรมชาติ ทนต่อน้ำมันเบรกและทนการสึกหรอดี ต้านทานไฟฟ้าสถิต ใช้ในโรงงานทั่วไป |
NBR | ทนน้ำมันประเภทปิโตรเลียม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันพืช/สัตว์ ยกเว้น น้ำมันเชื้อเพลิง ทนสารเคมี ทนการเสียดสี ทนร้อน ใช้ในโรงงานทอผ้า/ฟอกย้อม โรงงานสังกะสี โรงงานกระดาษ โรงพิมพ์ |
BR | ทนการสึกหรอและมีการกระเด้งตัวดี
|
CR | ทนไฟ และทนต่อสภาพภูมิอากาศทั่วไปได้ดี ทนน้ำมัน ทนร้อน และทนกรดทนด่างๆได้ ใช้ในโรงงานเหล็ก โรงงานสังกะสี โรงงานกระจก โรงงานกล่องกระดาษ ไม้อัด หรือโรงงานแก้ว โรงงานเคลือบขัดเงา |
EPDM | ทนอุณภูมิค่อนข้างสูงถึง 150 องศาเซลเซียส และทนกรดด่าง
|
NR | ทนต่อการเสียดสี ทนต่อแรงกดอัดได้ดี ใช้ในโรงงานทอผ้าโรงงานกล่องกระดาษ และโรงงานทั่วไป |
SI | (Silicone) ทนร้อนได้ถึง 380˚c ผิวลื่น ใช้ในโรงงาน โรงเหล็ก เคลือบผิว โรงงานพลาสติก โรงงานผลิตแผ่นฟิล์ม โรงงานกระสอบ โรงงานทอผ้า โรงงานพรม |
4.ขั้นตอนการเลือกซื้อสายพานให้ได้ตาม Specification สายพาน Lightweight (PU/PVC) มีมากมายหลายร้อย Specifications ดังนั้นผู้ซื้อควรต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ สายพาน PVC BELT หรือ PU BELT ไว้บ้าง เพื่อจะได้คุยกับผู้ขายรู้เรื่อง (บางทีผู้ขายก็ไม่มีความรู้เพียงพอเหมือนกัน) เวลาซื้อจะได้ของถูกต้องตรงกับจุดประสงค์ตามลักษณะการใช้งาน (Application) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเงินต้องจ่ายไป การเลือกสายพานให้เหมาะสมกับการทำงานว่าต้องเริ่มต้นกันที่จุดไหนก่อน ใน Concept ของค่ายยุโรปเขาพิจารณาลำดับก่อน-หลังดังนี้
1) รู้ชนิดของชิ้นงานสิ่งแวดล้อมที่ลำเลียง ( Product Conveyed) > เลือกชนิดของ Cover
2) รู้การต่อและConveyor Layout (Mechanical Configulation) > เลือกชั้นผ้าใบ Carcass
3) รู้ ข้อ 1 และข้อ 2 > เลือกBelt Type
เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองเสียก่อน :
1) วัสดุที่ลำเลียงคืออะไร? แล้วจะลำเลียงยังไง แนวราบ แนวเอียง ?
2) เลือกคุณสมบัติของผิวสายพาน Top and Bottom Cover (บนและล่าง) ให้ถูกต้องตามประเภทของการใช้งานและเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่หน้างานของตนเอง เช่น
• ผิวสายพานทนความสึกหรอ (Wear Resistance)
• ผิวสายพานทนความร้อน (Heat Resistance)
• ผิวสายพานทนน้ำมัน (Oil Resistance)
• ผิวสายพานทนสารเคมี (Chemical Resistance)
• ผิวสายพานทนเปลวไฟ (Flame Resistance)
• สายพานใช้งานในทางลาดเอียง (Inclined / Declined) ใช้สายพานติดบั้ง (Pattern Belt) หรือสายพานผนังยืดหยุ่น (Sidewall Belt)
“จากคำตอบข้อ 1 และ ข้อ 2 เราจะสามารถเลือก สมบัติของผิวสายพาน Top and Bottom Cover (บนและล่าง) และความหนาได้”
3) ดูระบบกลไก( Mechanical)การทำงานของ Conveyor>Pulley Diameter>Support Bed>Drive Type>ความเร็ว (Belt Speed) >Tracking System
“จากคำตอบข้อ 3 เราจะสามารถเลือกความแข็งแรงของชั้นผ้าใบ (Carcass) และจำนวนชั้นของผ้าใบได้”
5.ซื้อสายพาน PVC/PU จะระบุสเปคอย่างไร หากจะสั่งซื้อสายพาน PVC /PU ให้ถูกต้องนั้นจะต้องระบุรายละเอียดลงลึกเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ว่าชนิดของสายพานคืออะไร ทำด้วยวัสดุอะไร ลักษณะการถักทอเป็นอย่างไร Top Cover และ Bottom Cover ของสายพานเป็นวัสดุอะไรหนาแค่ไหน สายพาน สีอะไรหากใช้งานเฉพาะจริงๆ ต้องระบุ คุณสมบัติสายพานละเอียดลงไปอีกเช่นเป็น Food Grade- Anti-static ป้องกันไฟ Oil resistance ผิวหน้า(Surface Texture)ด้านบน ด้านล่างลักษณะเป็นอย่างไรเป็นต้น ดูตัวอย่างการระบุรายละเอียดจากผู้ขาย 2 รายข้างล่างนี้
ตัวอย่างการระบุสเปคสายพาน PVC/PU แบบหนึ่ง
ตัวอย่างการระบุสเปคสายพาน PVC/PU
6.หากผู้ขายที่มีความรู้ คำถามที่ผู้ขายจะถามผู้ซื้อเตรียมคำตอบไว้ได้เลย การซื้อขายสายพานให้ได้สเปคที่ถูกต้องนั้นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายควรจะมีความรู้พื้นฐานใกล้เคียงกันจึงจะทำการซื้อขายได้ของถูกต้อง แต่ในการซื้อขายที่แท้จริงมันไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้นแค่พูดไม่กี่คำก็สามารถซื้อขายกันได้แต่จะได้ของตามที่ต้องการหรือไม่เป้นอีกเรื่องหนึ่ง อนึ่งถ้าผู้ขายถามผู้ซื้อข้อมูลอย่างลึกซึ้งตามข้างล่างนี้ก็อย่าไปเพิ่งรำคาญหรือหมั่นไส้ผู้ขาย เพราะผู้ขายที่มีความรู้อย่างนี้มีน้อย มีพยายามอย่างสูงที่จะเลือกของให้ตรงกับการใช้งานมากที่สุดอย่าเพิ่งรำคาญเตรียมตอบคำถามดังต่อไปนี้ไว้นะครับ
• ชนิดของวัสดุที่ลำเลียง?
• Pulley Diameter ตัวเล็กสุดโตเท่าไร? …..มม.(ใช้เลือกความหนาและจำนวนชั้นของเส้นใยของสายพาน)
• ความเร็วของสายพาน....M/S (Meter/Second) หรือ fpm.
• ประเภทของสายพานที่อยากซื้อเป็น PVCหรือ PU
• Specification ยี่ห้อเดิมของสายพาน? มี Data sheet หรือไม่
• แรงดึงเท่าไหร่? (ตอบยากมากครับ ผู้ขายจะพยายามเลือกให้ตามของเดิมไปก่อน)N/mm.
• หน้ากว้าง (Belt Widht) ของสายพาน.....................มม.? (จำเป็นต้องรู้)
• ความหนาของสายพานเดิม......................มม.?
• Anti static หรือไม่?
• ใช้กับ Metal Detector หรือไม่?
• ต้องการผิวสายพานแบบลื่นเป็นพิเศษ..วัสดุไม่ติดหรือไม่?
• ต้องการผิวสายพานแบบใช้แล้วเสียงเงียบเป็นพิเศษหรือไม่?
• ความยาวของสายพาน....มม. ต่อกลม หรือ ตัดยาว
• มี Guide Belt หรือไม่ / ขนาด................
• มี Cleat หรือ Sidewall ไม่ / ขนาด................. (ลำเลียงบนพื้นเอียง)
• คุณสมบัติของสายพานที่ต้องการ (เลือกให้ถูกต้องตามประเภทการใช้งาน)
• ทนสึกหรอ
• ทนน้ำมัน
• ทนความร้อน
• ทนสารเคมี
• ทนไฟ
• ลำเลียงอาหาร
• สายพานบั้ง
• สายพาน Sidewall อื่นๆ...........................
• น้ำหนักของชิ้นงาน 1 ชิ้น.....................กก. (ใช้เลือกความหนาของสายพาน)
• น้ำหนักของชิ้นงานต่อเมตร.....................กก/เมตร)
• สิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปในโรงงาน(ใช้เลือกประเภทของสารเคลือบสายพาน)
• อากาศร้อน/เย็น
• เปียก
• ชื้น
• มีสารเคมี
• มีฝุ่นมาก
7. ซื้อขายสายพาน PVC/PU จริงเขาคุยกันง่ายๆอย่างไร อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเลือกสายพานอย่างละเอียดเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก คนปกติซึ่งไม่ใช่ช่างผู้ชำนาญงานหรือไม่ใช่ผู้ขายที่ชำนาญเรื่องสายพานจริงๆจะไม่สามารถตัดสินใจหรือเลือกสายพานให้ผู้ใช้งานได้ถูกต้องได้ง่ายๆ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเมื่อซื้อสายพานกับผู้ขายคนไหนก็ควรจะขอ Data Sheet ของข้อมูลของสายพานรุ่นนั้นเอาไว้ด้วยเผื่อว่าในคราวต่อไปหากเราจะเปลี่ยนสายพานอีกครั้งหนึ่ง สามารถส่ง Data Sheet ให้ผู้ขายแล้วไม่ต้องคุยกันอะไรมาก นี่เป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกันโดยอาศัย Beta sheet เป็นตัวบอกก็พอ คราวนี้เรามาดูว่าในการซื้อขายสายพาน PVC/PU ในตลาดจริงๆแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ใช้งานแบบทั่วไป มันง่ายมากเลยเพราะเซลล์จะพูดคุยกับผู้ซื้อจบแบบง่ายๆด้วย 5-6 คำถามก็พอ เช่น
1.ชนิดของสายพานคืออะไรเป็น PVC หรือ PU
2.หนาเท่าไหร่ 2 มิล 3 มิล 4มิล หรือ 5 มิล
3.ใบกี่ชั้น 2 หรือ 3 ชั้น
4.สีอะไร สีขาว-สีเขียว-ดำ และอื่นๆ
5.ผิวหน้าเป็นอย่างไร (เช่น บนเรียบหรือเป็นผิวหยาบแบบไหน)
6.ผิวล่างเป็นอย่างไร (เช่นเป็นท้องผ้าหรือเป็นผิวเรียบ)
คำถามพวกนี้ 80-90 เปอร์เซ็นต์เป็นสายพานที่ใช้งานทั่วไป ตอบได้ก็ขายได้ เป็นอันจบ ส่วนถ้าต้องการสายพานชนิดพิเศษก็ต้องลงลึกถึงคุณสมบัติที่ต้องการตามที่กล่าวไว้ข้างต้นอีกครั้ง
8. ซื้อขายสายพาน PVC/PU ติดบั๊ง (Cleat) หรือ Sidewall ต้องบอกอะไรบ้างในกรณีที่งานจำเป็นจะต้องติดโปรไฟล์หรือไกด์(Guide)เพื่อป้องกันสายพานสไลด์ หรือหากวางคอนเวเยอร์ในแนวเอียงขึ้นหรือเอียงลง กรณีอย่างนี้ต้องพิจารณาติดตั้งบั๊ง(Cleat)เพื่อกันชิ้นงานไหลลงหรือต้องติด sidewall เพื่อป้องกันชิ้นงานไหลออกด้านข้างของสายพาน กรณีอย่างนี้จะต้องระบุระยะต่างๆให้ชัดเจน เพื่อทางผู้ขายจะได้ประกอบสายพานให้ได้ตามระยะที่ผู้ใช้งานต้องการ ในการซื้อขายจริงผู้ซื้อและผู้ซื้อควรจะมี drawing ซึ่งระบุระยะให้ชัดเจนเซ็นชื่อกำกับไว้ แล้วผลิตสินค้าให้ได้ตามนั้น เพื่อป้องกันการและโทษกันไปมาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเนื่องจากผลิตสินค้าไม่ได้ตามระยะหรือสเปคที่ต้องการ ดูตัวอย่างการระบุระยะตามรูปข้างล่างนี้
สายพานต้องระบุ Code ชนิดของไกด์(Profile) และระยะติด Profile
สายพานต้องระบุติดบั๊ง (Cleat)และ Sidewall
Standard Code ของ profile-Cleat and Sidewall
9. ของแถมครับ เปรียบเทียบคุณสมบัติสายพาน PVC และ PUให้จำได้ง่ายๆ